หลายๆท่าน อาจจะไม่ทราบว่า
สถานประกอบการ โรงงานอุตสาหกรรม หรือ อาคารขนาดใหญ่ มีการใช้ไฟฟ้าโดยได้อัตราค่าไฟฟ้าต่อหน่วยที่ต่ำกว่าการใช้ไฟฟ้าทั่วไป
ๆ อันเนื่องมาจากสถานประกอบการมีใช้ไฟฟ้าในปริมาณที่มีปริมาณมาก ประกอบกับผู้ประกอบการมีการลงทุนในส่วนของระบบ
ที่รองรับสำหรับการใช้ไฟฟ้า เช่น จำเป็นต้องมี หม้อแปลงไฟฟ้า หรือ สถานีจ่ายไฟ รวมถึงระบบจ่ายไฟภายในเอง
ความคุ้มค่าการลงทุน
ความคุ้มค่าการลงทุน
โดยการใข้พลังงานไฟฟ้าในอัตราที่ต่ำกว่า เมื่อพิจารณาคำนวณออกมา สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้
จากส่วนต่างอัตราค่าไฟฟ้า และ เมื่อพิจารณาประกอบเทียบกับค่าใช้จ่ายในการลงทุน ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
ตลอดอายุโครงการ หากพบว่ามีความคุ้มค่าต่อเงินลงทุน ก็เป็นเรื่องอันดับแรกที่ต้องพิจารณา
หรือ การคำนวณดังกล่าว จะเรียกผลตอบแทนในค่าที่เรียกว่า IRR หรือ Internal rated of return
เสถียรภาพของระบบที่ลงทุน
แน่นอนว่าระบบที่ต้องลงทุน
หรือ ปัจจุบันรูปแบบสถานีไฟฟ้า มีความหลากหลาย หากเราเลือก ระบบที่มีเสถียรภาพสูง
จะได้คุณภาพของพลังงานไฟฟ้าที่ดีตามด้วย สิ่งเหล่านี้ บางครั้งอาจจะไม่สามารถวัดออกมาเป็นผลตอบแทนได้ แต่ก็หลาย ๆครั้งก็สามารถนำผลของการมีเสถียรภาพที่ดีกว่า
การใช้ไฟฟ้าแบบเดิม นำมาวัดผลตอบแทนการลงทุนได้เช่นกัน เช่น คุณภาพไฟฟ้าที่ดีขึ้น การไม่มีไฟฟ้าตก หรือ
ลดการเกิดไฟฟ้าดับ ลดการสูญเสียการผลิต หรือ เพิ่มความสามารถของกิจกรรมการสถานประกอบการ
ซึ่งสามารถนำมาคำนวณผลตอบเพื่อพิจารณาประกอบเพิ่มเติมได้อีกด้วย
ดังนั้นในเรื่องที่กล่าวมา จึงเป็นเรื่องที่เข้าใจไม่ยาก
ที่ผู้ลงทุน เจ้าของโครงการ ควรจะพิจารณาไว้เบื้องต้น เพื่อ พิจารณาประกอบในการลงทุน
แต่อีกประการหนึ่งก็คือ หากสถานประกอบการ สามารถวางระบบ ออกแบบ คิดไว้ตั้งแต่ต้น เผื่อไว้สำหรับอนาคต
ก็จะสามารถลดจำนวนเงินลงทุนในอนาคตได้อีกด้วย
หรือ อีกความหมายคือ การวางแผนไว้ล่วงหน้า ย่อมดีกว่าเสมอ